เป็นการโจมตีรูปแบบหนึ่งที่แฮกเกอร์จะส่งคำร้อ(Requests) จำนวนมากๆไปที่ Server เมื่อมีจำนวน Traffic มากเกินไปที่ Server จะรองรับได้ ก็จะส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้หรือเว็บล่มนั่นเอง เราสามารถเปรียบเทียบการโจมตี DDoS ได้กับการจราจรบนท้องถนน หากเกิดเหตุบนท้องถนน ก็จะทำให้รถติดสะสมเป็นจำนวนมาก เมื่อมีรถจำนวนมากก็อาจทำให้เราไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ตามเวลาที่ต้องการ
การโจมตี DDoS ทำงานอย่างไร?
การโจมตี DDoS นั้นจะใช้คอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องที่มีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย(Network) เริ่มจากแฮกเกอร์ปล่อยมัลแวร์เพื่อให้คอมพิวเตอร์จำนวนมากติดมัลแวร์กลายเป็นซอมบี้หรือบอท ซึ่งบอทที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะรับคำสั่งและทำตามที่แฮกเกอร์บอก แฮกเกอร์สามารถควบคุมได้โดยการส่งคำสั่งไปยังบอทแต่ละตัวเพื่อให้บอทแต่ละตัวทำงานตามคำสั่ง เมื่อบอทถูกสั่งให้กำหนดเป้าหมายหรือ Server ที่จะถูกโจมตี การโจมตีจะเริ่มขึ้นจากคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายทั้งหมดที่ส่งคำสั่งไปยังเครื่อง Server หรือคอมพิวเตอร์ปลายทาง การส่งคำสั่งจำนวนมากๆจากระบบเครือข่ายย่อมส่งผลให้การทำงานของ Server มีปัญหาในการรับส่งข้อมูล อาจจะช้าลงหรือหยุดชะงักขึ้นได้ แต่ก่อนที่ Server จะหยุดทำงานเราอาจได้รับสัญญาณบางอย่างที่ผิดปกติและอาจช่วยจับสัญญาณผิดปกติได้ก่อนจากข้อมูลเหล่านี้
- มีการรับส่งข้อมูลจำนวนมากๆจาก IP เดียวกันหรือช่วง IP ใกล้กัน
- การเข้าถึงหน้าเว็บมีพฤติกรรมเดียวกันเช่น มีการค้นหาข้อมูลที่เหมือนกันๆกันเป็นจำนวนมากๆ
- มีรูปแบบการเข้าชมที่ไม่ปกติเช่น มีการเข้าชมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกๆ 10 วินาที
ประเภทการโจมตีของ DDoS
ในการโจมตีนั้นมีหลายประเภทซึ่งแต่ละประเภทล้วนมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งประเภทการโจมตีได้ตาม Network Layer ที่มีอยู่ 7 Layers ด้วยกัน
ผลที่อาจเกิดขึ้นจากการทำ DDoS
วิธีป้องกันการโจมตี DDoS
การรับมือจากการโจมตีแบบ DDoS นั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะต้องแยกให้ได้ระหว่างการใช้บริการปกติหรือเป็นการโจมตีแบบ DDoS ดังนั้นควรมีการบริหารจัดการด้าน Serverและการดูแลข้อมูลของระบบเพื่อเตรียมรับมือหากมีการโจมตีเกิดขึ้น
- ประเมิน Trafic บนเว็บไซต์: เจ้าของเว็บไซต์ควรทราบว่าในแต่ละวันจะมีผู้ใช้บริการบนเว็บไซต์เท่าไร่ หรือบางช่วงอาจมี Trafic เพิ่มขึ้นจากการใช้งานของลูกค้า เช่น เว็บ E-commerce ที่มักมีการจัดโปรโมชั่น ซึ่งจะทำให้ทราบว่าจำนวนคนที่อาจจะเพิ่มขึ้นจะอยู่ในช่วงไหน เพื่อจะประเมินได้ว่าช่วงที่มี Trafic เพิ่มสูงเป็นช่วงที่อยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้วไม่ได้เกิดจาก DDoS แต่หากช่วงที่ Trafic สูงไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์แล้วก็สามารถตั้งการแจ้งเตือนจากระบบ Cloud Service ได้ เพื่อให้ DevOps สามารถเข้ามาตรวจสอบและป้องกันการโจมตีนี้ได้
- Rate Limiting: เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วงลดการโจมตี DDoS ได้คือการจำกัดจำนวน Requests ที่ขอไปยัง Server โดยอาจกำหนดได้ว่าหากมีการ Requests จาก IP หนึ่งที่ดูผิดปกติมากเกินจำนวนที่จำกัดไว้แล้ว การจะขอ Requests ใหม่ได้นั้นต้องรอตามจำนวนเวลาที่กำหนดไว้
- การประเมินความเสี่ยงและค้นหาช่องโหว่: ในองค์กรใหญ่ควรประเมินความเสี่ยงของซอฟต์แวร์เช่น มีการจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทำ penetration testing เพื่อตรวจสอบว่าเรามีช่องโหว่ตรงที่แฮกเกอร์อาจนำมาเป็นเป้าโจมตีได้
- ใช้ Content Delivery Network(CDN): CDN นั้นคือระบบเครือข่ายขนาดใหญ่โดยมีการกระจายตัวของเครื่อง Server อยู่ตามภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ดังนั้นหากเกิดการโจมตีเกิดขึ้นเรายังสามารถเรียกใช้ข้อมูลจาก Server อื่นๆได้
ตัวอย่างเหตุการณ์การ การโจมตี DDoS