RSI คืออะไร?
สัญญาณ RSI (Relative Strength Index) คือสัญญาณทางเทคนิคที่ชี้วัด Momentum ของราคาหุ้น โดย Momentum ของ RSI นั้นจะใช้ในการกำหนดจุดแข็งหรือจุดอ่อนของราคาหุ้นหรือ Overbought (ซื้อมากเกินไป) และ Oversold (ขายมากเกินไป) เราสามารถอ่านค่าจาก RSI ได้ตั้งแต่ 0-100 หากค่ามากกว่า 70 ขึ้นไป เราจะถือว่าราคาหุ้นนั้น overbought แต่หากราคา น้อยกว่า 30 ลงไป เราจะถือว่าราคาหุ้นนั้น oversold
RSI บอกอะไรบ้าง
- ค่าน้อยกว่า 30 บอกราคาต่ำหรือขายมากเกินไปและค่ามากกว่า 70 บอกราคาแพงหรือซื้อมากเกินไป
- หาก RSI มีค่า 50 บอกถึงราคาอยู่ในลักษณะ Sideway (ไม่ขึ้น ไม่ลง)
- RSI ใช้ดูลักษณะของการเกิด Bullish Divergence หรือ Bearish Divergence
- หากเส้นยังชี้ขึ้นต่อเนื่อง บอกถึงราคายังเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยหรือเส้นชี้ลงต่อเนื่อง แสดงว่าราคายังปรับตัวลดลง
Divergence เป็นการบ่งบอกถึงราคาและ Indicator ว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ หากราคามีความขัดแยังกันก็สามารถเป็นไปได้ 2 กรณีคือ Bullish Divergence ราคาอาจมีปรับตัวขึ้นหรือ Bearish Divergence ราคาอาจมีการปรับตัวลง ซึ่ง RSI ก็เป็น Indicator หนึ่งที่นิยมนำมาวิเคราะห์หา Divergence
- Bullish Divergence ราคามีการขัดแย้งกับสัญญาณ RSI คือ ราคาเกิดการปรับตัวต่ำลง(LH) แต่ RSI มีการปรับตัวสูงขึ้น(HL) ทำให้แนวโน้มของราคาจะเกิดการปรับตัว "ขึ้น"
- Bearish Divergence ราคามีการขัดแย้งกับสัญญาณ RSI คือ ราคาเกิดการปรับตัวสูงขึ้น(HL) แต่ RSI มีการปรับตัวต่ำลง(LH) ทำให้แนวโน้มของราคาจะเกิดการปรับตัว "ลง"
การคำนวณ RSI
RSI = 100 – 100 / ( 1 + RS )
RS = Average Gain / Average Loss
RS คือ ส่วนต่างของราคาที่สามารถปิดสูงกว่าวันก่อนหน้าได้ (Average Gain) และ ส่วนต่างของราคาที่สามารถปิดต่ำกว่าวันก่อนหน้าได้ (Average Loss) โดยทั่วไปแล้วจะนำราคา 14 แท่งก่อนหน้ามาคิดเป็นค่าเฉลี่ย
- เราไม่สามารถใช้ค่า 70(overbought) เป็นการกำหนดจุดขายได้เพราะราคาอาจะวิ่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถใช้ค่า 30(oversold) เป็นการกำหนดจุดซื้อได้เช่นกันเพราะราคาอาจะวิ่งลงต่อไปเรื่อยๆ
- ระวังการดู overbought หรือ oversold ใน Time Frame ที่เล็กเช่น 30M 1H 4H เพราะจะเกิดข้อผิดพลาดสูงกว่า Time Frame ใหญ่เช่น Day Week Month
- RSI จะมีน้ำหนักในการพิจารณาน้อยลงเมื่อตลาดอยู่ในขาขึ้นหรือขาลงที่แข็งแกร่ง