Health Tech เทคโนโลยีที่เปลี่ยนอุตสาหกรรมทางการแพทย์

Health Tech คืออะไร? ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เทคโนโลยีนำมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆมากมายไม่เว้นแม้แต่ด้านสุขภาพ ดังนั้น Health Tech จึงหมายถึง การนำเอาเทคโนโลยีมาดูแลรักษาด้านสุขภาพ โดยจะใช้ตั้งแต่การลงทะเบียนคนไข้ การนัดพบแพทย์ การรักษา การติดตามคนไข้ เป็นต้น นอกจาก Health Tech จะถูกนำมาใช้ในการรักษาแล้ว ยังสามารถพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถนำมาป้องกันการเกิดโรคต่างๆได้อีกด้วย ในอนาคต Health Tech จะยิ่งมีบทบาทสำคัญมากเพราะทั่วโลกจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์เริ่มขาดแคลนและค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง ดังนั้นการนำ Health Tech เข้ามาจะช่วยแก้ปัญหาและสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมทางการแพทย์ได้

Telehealth

     โดยทั่วไปแล้วหากเราเจ็บป่วยเล็กน้อยหรือรู้สึกว่ากำลังจะป่วย เราก็ต้องไปโรงพยาบาล ไปติดต่อแผนกต่างๆเพื่อรอพบแพทย์ ซึ่งการเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อให้ได้พบแพทย์นั้นอาจใช้เวลาถึงครึ่งวันหรือหนึ่งวันเลยทีเดียว ยิ่งคนไหนมีบ้านห่างไกลจากโรงพยาบาลยิ่งมีความลำบากในการเดินทางมาพบแพทย์ แต่ด้วยเทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่ก้าวหน้าอย่างมากในปัจจุบันโดยเฉพาะการสื่อสารแบบ VDO Conference ที่เราจะสามารถเห็นทั้งภาพและเสียงได้อย่างชัดเจน ทำให้เทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้ในการรักษาแบบ Telehealth(โทรเวชกรรม)
     Telehealth คือการนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารมาปรับใช้ในการดูแลสุขภาพระหว่างแพทย์กับคนไข้สามารถพูดคุยสื่อสารเสมือนการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ทำให้เกิดความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น ด้วยการสื่อสารโดยใช้เทคโนโลยี VDO Conference ทำให้แพทย์สามารถเห็นสีหน้า ท่าทาง ผดผื่น หรือแผลของคนไข้ได้อย่างชัดเจน สามารถวิเคราะห์อาการและให้คำแนะนำเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลจึงพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้ง Web-Application และ Mobile-Application ขึ้นมาเป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่จะช่วยดูแลสุขภาพของคนไข้


Wireless Health
     ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร ทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ในทุกภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอุตสาหกรรมทางการแพทย์ Wireless Health คือเทคโนโลยีสุขภาพไร้สายที่นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยใช้เซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆภายในร่างกายและส่งข้อมูลไปยังแพทย์เพื่อติดตามอาการ ให้คำแนะนำได้อย่างรวดเร็วและป้องกันการสูญเสียได้ เช่น โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดในสมอง เป็นต้น นอกจากนั้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังถูกพัฒนาไปใช้ดูแลสุขภาพด้านอื่นๆอีกด้วย เช่น อุปกรณ์ติดตามการนอน เครื่องวัดน้ำตาลในเลือดเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เครื่องวัดค่าออกซิเจน เครื่องวัดระบบเผาผลาญในร่างกาย สร้อยข้อมือติดตามการเจริญพันธุ์ เป็นต้น ยิ่งในอนาคตชิปอิเล็กทรอนิกส์จะเล็กลงเรื่อยๆ เราอาจเห็นอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายอย่างรวมอยู่ในนาฬิกาข้อมือเลยก็เป็นไปได้

ชุดตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบใช้เองที่บ้าน

นาฬิกา Apple Watch สามารถตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดได้

AI in Healthcare
      AI มีบทบาทในอุตสาหกรรมด้านการแพทย์อย่างมากเพราะสามารถช่วยหมอวินิจฉัยอาการหรือโรคได้ โดยให้โปรแกรมประมวลผล จากชุดข้อมูลต่างๆที่ถูกป้อนเข้าไป โดยใช้องค์ความรู้ด้าน Artificial intelligence (AI), Machine Learning (ML) และ Deep Learning (DL) จะทำให้การวินิจฉัยรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ในอนาคตการวินิจฉัยโรคบางอย่างอาจจะใช้ AI ในการประมวลผลแทนหมอเลยก็เป็นไปได้
 
3 ตัวอย่างการดูแลสุขภาพโดยใช้ AI

1. พัฒนายาใหม่ๆด้วย AI
     ในการพัฒนายาใหม่ๆขึ้นมา 1 ชนิดนั้นจะใช้เงินทุนและเวลาในการพัฒนาสูงมาก และการพัฒนาในแต่ละรอบก็ไม่ได้สำเร็จทุกครั้งเพราะเมื่อพัฒนามาแล้วต้องมีขั้นตอนการทดลองและเก็บผลการทดลองอีก มีเพียง 10% ของการผลิตยาในแต่ละครั้งเท่านั้นที่ยาจะมีโอกาสใช้ได้จริง มีงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชื่อว่า Adam เขาได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับยีนโดยใช้ฐานข้อมูลยีนมาวิเคราะห์ว่ายีนจะมีปฏิกิริยากับชุดโปรตีนที่สร้างขึ้นอย่างไร โดยเขียนโปรแกรมขึ้นมาเพื่อทดลองและวัดผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทดลองนี้ การทดสอบด้วย AI นั้นสามารถทดซ้ำได้หลายๆรอบ สามารถทดสอบแบบละเอียดถี่ถ้วนได้มากกว่าและการบันทึกผลการทดลองก็ตรงไปตรงมา ผลลัพท์จากการศึกษาค้นคว้าโดยใช้ AI ของ Adam ทำให้ค้นพบสารไตรโครซาน(Triclosan) ที่ใช้ต้านเชื้อแบคทีเรีย ปัจจุบันใช้เป็นส่วนผสมในสบู่ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เป็นต้น
2. ตรวจหามะเร็งระยะแรกด้วย AI
     บริษัท Freenome ในสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาโปรแกรมโดยใช้ Machine Learning เพื่อตรวจหามะเร็งระยะแรกโดยการใช้ค่าผลเลือดมาวิเคราะห์ โดยทั่วไปแล้วการตรวจมะเร็งพบในระยะแรกนั้นโอกาสรักษาหายจะสูงกว่าระยะหลัง แต่การจะตรวจพบในระยะแรกได้นั้นจะต้องตรวจร่างกายแบบละเอียดเช่น สอบถามประวัติโดยละเอียด ตรวจผิวหนัง เต้านม ท้อง อวัยวะเพศ เอกซเรย์ เป็นต้น ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและเสียเวลาในการตรวจนาน ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่ตรวจหรือตรวจไม่ครบซึ่งก็ไม่พบมะเร็งในระยะแรกได้ แต่บริษัท Freenome ใช้เทคโนโลยีของ AI โดยนำกรณีทดสอบจากตัวอย่างผลเลือดที่เป็นมะเร็งหลายพันตัวอย่างป้อนให้โปรแกรมได้เรียนรู้(Machine Learning) ว่านี้คือผลเลือดที่มีเซลล์มะเร็งอยู่ ซึ่งหากผลเลือดคนที่มาตรวจมีลักษณะคล้ายกับผลเลือดของเซลล์มะเร็งที่โปรแกรมได้บันทึกผลไว้ ก็สามารถค้นพบได้ทันทีว่าคนที่มาตรวจเป็นมะเร็งหรือไม่
3. ตรวจหาเบาหวานด้วย AI
     Twin Health เป็นบริษัทที่คิดค้นวิธีการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) ซึ่งเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุดของผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยพบถึงร้อยละ 95 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งหมด Twin Health ใช้ความรู้ด้าน IoT และ AI มาสร้างโปรแกรมเพื่อติดตามระบบเผาผลาญของเราในแต่ละวันตามกิจกรรมประจำวันของแต่ละคน ติดตามการกินอาหาร ติดตามการนอน ซึ่งโปรแกรมจะสามารถให้คำแนะนำในการรักษาของผู้ที่รักษาแต่ละคนได้ ข้อมูลต่างๆจะถูกนำไปให้แพทย์เพื่อจัดยาและใช้ในการรักษาต่อไป

Wellness Tech

     Wellness คือการที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและสภาพจิตใจเพราะการมีสุขภาพที่ดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีอายุที่ยืนยาวและป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ปัจจุบัน Wellness กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาในคนทุกเพศทุกวัย เช่น การเลือกสารอาหารที่มีประโยชน์สำหรับร่างกายของแต่ละคน  การเลือกอาหารเสริม การออกกำลังกาย การนอน สุขภาพจิต เป็นต้น ซึ่งการดูแลสุขภาพแบบ Wellness ล้วนต้องใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพ การจะดูแลสุขภาพที่ดีได้นั้นเราต้องรู้จักสภาพร่างกายของเราเองก่อนว่าโครงสร้างร่างกายของเรานั้นเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจุบันห้อง Lab ต่างสามารถตรวจค้นหาโครงสร้างของร่ายกายเราได้แบบละเอียดเช่น โครงสร้าง DNA ในร่างกาย ระดับฮอร์โมนส์ วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ ระดับภูมิคุ้มกัน เป็นต้น การตรวจหาต้องอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เมื่อตรวจหาแล้วก็จะสามารถบอกได้ว่าค่าต่างๆภายในร่างกายนั้นปกติหรือไม่ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอะไร และจะสามารถป้องกันได้อย่างไร ด้วยแนวโน้มการดูแลสุขภาพนี้เองทำให้เกิด Application ต่างๆมากมายที่จะช่วยดูแลด้านสุขภาพและเกิดเป็นธุรกิจด้าน Wellness Tech กันมากขึ้น


Health Techในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง?

     ประเทศไทยเราเองถือว่าเป็นประเทศที่ได้เปรียบที่จะสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมด้าน Health Tech ได้ หากมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านนี้แล้วอาจสร้างมูลค่าหลายหมื่นหรือหลายแสนล้านบาทเลยทีเดียว เพราะจากแนวโน้มโครงสร้างประชากรของเราจะมีสัดส่วนเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นและเราเองก็มีความโดดเด่นด้านการแพทย์อยู่แล้ว มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถ มีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ค่ารักษาพยาบาลไม่สูงหากเทียบกับโซนอเมริกาหรือยุโรปและหลังการรักษายังสามารถวางแผนการท่องเที่ยวต่อได้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จะสามารถดึงดูดทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามารักษาได้ 


Refference:
- https://spectrum.ieee.org/wireless-health-care
- https://travelaway.me/portable-health-gadgets/
- https://builtin.com/artificial-intelligence/artificial-intelligence-healthcare
- https://www.nature.com/articles/d41586-018-05267-x
- https://www.freenome.com/multiomics
- https://www.set.or.th/dat/vdoArticle/attachFile/AttachFile_1550652035837.pdf

ป้ายกำกับ

แสดงเพิ่มเติม

บทความยอดนิยม

Software Development Life Cycle (SDLC) คืออะไร ทำไมจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์

ม.ปลายอยากเข้าสายคอม วิทยาการคอม วิศวกรรมคอม เตรียมตัวอย่างไร ต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง

Automation testing หรือ การทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อการทดสอบซอฟต์แวร์

วิธีเก็บ วิเคราะห์ รวบรวม requirement อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

Performance Test คือ อะไร วัดประสิทธิภาพของระบบ ล่มไม่ล่ม จะรู้ได้อย่างไร

8 สิ่งที่ AI จะมาเปลี่ยนโลกในอนาคต

ถอดรหัสความลับเครื่อง Enigma จุดเริ่มต้นและจุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2