ติดเกม แก้ไข รักษา อย่างไรดี


เกมนั้นเป็นกิจกรรมยามว่างของเด็กๆที่สร้างความสนุกสนาน เสริมสร้างทักษะให้กับเด็กได้ เกมกับเด็กนั้นถือเป็นสิ่งคู่กันเพราะในช่วงวัยเด็กของทุกๆคนย่อมผ่านการเล่นเกมมาทั้งสิ้น การเล่นเกมที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเด็กเพราะสามารถสร้างความคิดสร้างสรรค์ ฝึกสมองและไหวพริบได้ แต่เด็กอีกหลายคนกลับใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อเล่นเกมจนเริ่มมีผลกระทบในกิจกรรมต่างๆ เช่น ไม่ยอมทานข้าวหรือทานข้าวไม่ตรงเวลา ผลการเรียนแย่ลง หงุดหงิดง่าย อดหลับอดนอน เป็นต้น พ่อแม่หลายคนเริ่มเกิดความกังวลว่าการที่ลูกเล่นเกมมากๆนั้นจะทำให้ลูกเป็นคนติดเกมหรือเปล่า ติดเกมแล้วจะมีผลกระทบอย่างไร มีวิธีป้องกันจะทำให้ลูกไม่ติดเกมได้อยางไร และถ้าติดเกมแล้วจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง 

เข้าใจเรื่องของเกมก่อน
     เกมนั้นไม่ใช่สิ่งใหม่แต่อย่างใดเพราะมีมาหลายยุคหลายสมัยแล้วแต่มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆจนปัจจุบันที่มักจะอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น เกมแต่ละเกมจะมีกฎกติกาที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้เล่นเกิดความสนุกสนาน ความบันเทิง และฝึกทักษะต่างๆ ปัจจุบันเราสามารถจำแนกประเภทของเกมได้เป็น เกมต่อสู้ เกมยิงปืน เกม RPG เกมผจญภัย เกมวางแผน เกมปริศนา เกมจำลองเหตุการณ์ เกมกีฬา เป็นต้น เกมบางประเภทนั้นได้กำหนดภาระกิจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าผู้เล่นจะต้องผ่านด่านแต่ละด่านของเกมไปเรื่อยๆจนสามารถเอาชนะในด่านสุดท้ายได้ ก็ยืนยันได้ว่าผู้เล่นสำเร็จภารกิจที่เกมตั้งเป้าไว้ ส่วนใหญ่มักจะพบในเกมผจญภัยหรือเกมปริศนา แต่ก็มีเกมอีกบางประเภทที่ไม่ได้กำหนดภาระกิจของผู้เล่นไว้ว่าผู้เล่นจะต้องมีภาระกิจสุดท้ายอย่างไรบ้างเพราะไม่ได้เรามีเป็นเล่นคนเดียวที่อยู่ในเกม เป็นการเชื่อมโยงผู้เล่นหลายๆคนเข้ามาเล่นพร้อมกันและทำให้เกิดการแข่งขันเช่น เกม RPG เกมวางแผน เป็นต้น การมีผู้เล่นหลายๆคนในเกมทำให้เกมมีความหลากหลาย มีสถานการณ์และความสนุกที่แตกต่างกันไปทุกครั้งถึงแม้จะเป็นด่านเดิมๆ เกมในลักษณะนี้ผู้เล่นจะเล่นนานกว่าเกมประเภทอื่นๆ เช่น RoV PUBG League of Legends(LOL) FIFA และ Ragnarok เป็นต้น

รู้ได้อย่างไรว่าลูกติดเกมหรือไม่
     การเล่นเกมนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติตั้งแต่เด็กอนุบาลไปจนถึงวัยทำงานเลยทีเดียว เพราะเด็กที่เกิดและโตมาในยุค IT นั้นคงหนีไม่พ้นกับเกมในรูปแบบคอมพิวเตอร์หรือมือถือและเป็นสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงได้ยาก การเล่นเกมคงเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับเด็กยุคปัจจุบันแต่จะทราบได้อย่างไรว่าการเล่นเกมที่เหมาะสมนั้นอยู่ตรงไหน ในบทความนี้จะแสดงระดับและพฤติกรรมการเล่นเกมอยู่ 9 ระดับโดยเด็กเล่นเกมอยู่ในระดับ 1-5 ถือว่าเล่นเกมอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่ติดเกม แต่หากพบว่าเด็กมีพฤติกรรมการเล่นเกมอยู่ที่ระดับ 5 หรือมากกว่าก็เข้าขั้นติดเกมแล้ว

Level1: เล่นเกมเป็นครั้งคราว
ในระดับแรกเด็กจะเล่นเกมเป็นแค่บางครั้ง จะให้ความสำคัญกับกิจกรรมอื่นๆมากกว่าการเล่นเกมเช่น เล่นกับเพื่อน อยู่กับพ่อแม่ จะเล่นเกมเพื่อความสนุกสนานในบางครั้งเท่านั้นไม่ได้เล่นติดต่อกันทุกวัน หากเล่นเกมก็ไม่ได้มีการวางแผนที่จะเล่นเกมมาก่อนและสามารถหยุดเล่นเกมได้เมื่อมีกิจกรรมอื่นที่สำคัญกว่า

Level2: ควบคุมตัวเองได้ มีการแบ่งเวลาในเล่นเกม
ระดับนี้เด็กจะเล่นเกมในเวลาที่พ่อแม่กำหนด สามารถแบ่งเวลาเล่นเกม เวลาเรียน เวลาทำการบ้านหรือกิจกรรมอื่นๆได้ดี สามารถจัดลำดับความสำคัญได้เช่นต้องเรียนและทำการบ้านให้เสร็จก่อนถึงจะเล่นเกม

Level3: ต้องการเวลาในการเล่นเกมมากขึ้น
เด็กเริ่มมีจำนวนชั่วโมงในการเล่นเกมมากขึ้น พอบอกให้หยุดเล่นเกมก็มักจะขอเวลาต่อไปเรื่อยๆ พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นครั้งสองครั้งไม่เป็นไรแต่ให้สังเกตจำนวนชั่วโมงในรอบสัปดาห์หรือเดือนว่าเด็กใช้จำนวนชั่วโมงในการเล่นเกมเพิ่มขึ้น

Level4: เริ่มมีอาการไม่พอใจเมื่อสั่งให้หยุดเล่นเกม
เริ่มมีความรู้สึกหงุดหงิด โกรธ เป็นบางครั้งเมื่อถูกสั่งให้หยุดหรือมีอะไรมาชัดจังหวะขณะเล่นเกม รู้สึกอารมณ์เสียเมื่อไม่ได้เล่นเกม

Level5: ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นเกม
จากงานวิจัยพบว่าหากเด็กใช้เวลาเล่นเกมมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน (เป็นวันว่างที่ไม่ได้เรียนหนังสือ) จะเข้าขั้นติดเกม การเล่นเกมจำนวนชั่วโมงมากๆอาจทำให้เด็กนอนดึกมากขึ้น โดยการติดเกมในระดับนี้จะเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอหลายสัปดาห์ต่อกัน ไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงครั้งสองครั้งหรือนานๆครั้ง

Level6: มีความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง
อาการนี้จะพบว่าเด็กอยากอยู่คนเดียวมากขึ้นไม่ค่อยอยากจะออกไปเล่นกับเพื่อนหรือมีเฉพาะเพื่อนที่เล่นเกมเท่านั้น นอกจากนั้นยังพบว่าเด็กเริ่มมีความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวแย่ลง พูดน้อยลงหรือมีส่วนร่วมกิจกรรมในครอบครัวน้อยลง อย่างไรก็ตามพฤติกรรมนี้ต้องมั่นใจว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากการที่เด็กเล่นเกมมากๆ ไม่ได้เป็นบุคคลิกส่วนตัวของเด็กที่มีอยู่แล้ว

Level7: ไม่สนใจในการเรียนการทำงานหรือกิจกรรมอย่างอื่น
ในระดับนี้เด็กจะสูญเสียการควบคุมตัวเองและจะส่งผลแต่หน้าที่หลักที่ควรจะทำเช่น เรียนหรือทำงาน เมื่อเด็กไปโรงเรียนในเวลาเรียนก็จะโดดเรียนเพื่อไปเล่นเกม ในเวลาเรียนก็จะคิดถึงแต่เกมไม่มีสมาธิกับการเรียน หลักเลิกเรียนก็ไม่สนใจทำการบ้านหรือกิจกรรมอื่นๆเลยนอกจากเกม ส่งผลให้การเรียนตกต่ำและมีการรายงานพฤติกรรมต่างๆจากครูประจำชั้นหรือฝ่ายปกครอง

Level8: มีพฤติกรรมด้านลบ
เด็กที่เล่นเกมมากๆอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น พูดโกหกเพื่อให้ได้เล่นเกม ขโมยเงินเพื่อนำไปเล่นหรือซื้อของในเกม เก็บตัวเงียบไม่ชอบพบปะผู้คน มีพฤติกรรมที่เลียนแบบคำพูดหรือท่าทางเชิงลบจากเกม

Level9: เสพติดเกมแบบรุนแรง
การติดเกมในระดับนี้เด็กจะมีทุกพฤติกรรมในระดับที่กล่าวมาจากก่อนหน้าทั้งหมด แต่จะเกิดผลเสียด้านสุขภาพและสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น ด้านสุขภาพเช่น มีการอาการปวดมือ ปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัว ดวงตาอ่อนล้า ตาพร่ามัว ตาแห้ง เกิดวุ้นในตา ขาดน้ำ ขาดสารอาหาร เป็นต้น ด้านสุขภาพจิต เช่น โมโหง่ายขึ้น เกิดความเครียดเพราะไม่สามารถเอาชนะในเกมได้ เป็นโรคสมาธิสั้น โรคซึมเศร้า เป็นต้น

ติดเกมแล้วจะมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
     การติดเกมไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงที่แก้ไขไม่ได้ การติดเกมอาจจะเกิดแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งหากแก้ไขถูกวิธีก็จะสามารถให้เด็กเลิกติดเกมได้ ปัจจัยหลักที่จะช่วยให้เด็กเลิกติดเกมได้นั้นคือครอบครัว ต้องมีการวางแผน คอยสังเกต สร้างกิจกรรม เพื่อให้เด็กไม่ติดเกมหรือให้เด็กเล่นเกมอย่างเหมาะสม แนวทางแก้ไขที่จะทำให้เด็กไม่ติดเกมมีดังนี้

1. ลำดับกิจกรรมที่สำคัญก่อนเล่นเกม
การจัดลำดับกิจกรรมที่ต้องทำก่อนหลังนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเพื่อสร้างความรับผิดชอบให้กับตัวเด็กเองและเป็นการลดโอกาสติดเกมอีกด้วย เมื่อเลิกเรียนจากที่โรงเรียนแล้ว พ่อแม่ควรสร้างเงื่อนไขขึ้นมาว่าเด็กจะต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะเล่นเกมได้ เช่น ทำการบ้าน อ่านหนังสือ อาบน้ำ กินข้าว หลังจากนั้นถึงอนุญาติให้เด็กเล่นเกมในเวลาที่เหมาะสมได้

2. สร้างกิจกรรมอื่นแทนการเล่นเกม
กิจกรรมนั้นก็สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ กิจกรรมในครอบครัวและกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ ซึ่งพ่อแม่ควรจะส่งเสริมทั้งสองกิจกรรมควบคู่กันไป การให้เด็กทำกิจกรรมนั้นถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะทำให้เด็กลดเวลาในการเล่นเกมหันไปสนใจอย่างอื่นและพัฒนาทักษะด้านอื่นของเด็กได้อีกด้วย 
  • กิจกรรมในครอบครัวนั้นสามารถช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้คนในครอบครัวได้เช่น พาไปดูหนัง พาไปเที่ยว พาไปซื้อของ ล้างรถ ปั่นจักรยาน รดน้ำต้นไม้ ปาร์ตี้บาร์บีคิว เป็นต้น
  • กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ควรเป็นกิจกรรมที่เด็กสนใจเพราะจะสามารถทำกิจกรรมนั้นได้เป็นเวลานานๆและอาจค้นพบพรสวรรค์ขึ้นได้ กิจกรรมเหล่านี้ควรเป็นกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนที่เด็กได้เรียนในโรงเรียนแล้วเพราะต้องการให้เด็กได้ผ่อนคลายและหาความชอบของเด็ก หากพ่อแม่ไม่สามารถเป็นคนสอนได้ก็สามารถส่งไปเรียนยังสถาบันต่างๆได้เช่น เล่นกีฬา เล่นดนตรี ศิลปะ เป็นต้น
3. จำกัดเวลาเล่นเกม
สร้างข้อตกลงให้กับเด็กขึ้นมาก่อนว่าจะสามารถเล่นเกมได้ก็ต่อเมื่อกิจกรรมที่มีความสำคัญกว่าทำเสร็จหมดแล้วและการเล่นเกมในแต่ละวันนั้นพ่อแม่อนุญาติให้เล่นเกมได้กี่ชั่วโมง หากผิดข้อตกลงนี้เช่น เล่นเกินเวลาที่กำหนด หรือกิจกรรมหลักอย่างการบ้านยังทำไม่เสร็จ จะถูกลงโทษอย่างไรบ้าง

4. ให้รางวัล
 การให้รางวัลเมื่อเด็กสามารถทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้ดีก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เด็กรู้สึกดี โดยการให้รางวัลนั้นอาจจะไม่ใช่เพียงแต่สิ่งของอย่างเดียว การพูดชม สัมผัส หอม ก็สามารถทำให้เด็กรู้สึกดีได้หรือหากเด็กคนไหนเริ่มใช้เวลาในการเล่นเกมมากเกินไป พอพ่อแม่บอกให้ลดเวลาในการเล่นเกมลงและเด็กสามารถทำให้ ก็สามารถให้รางวัลเด็กเพื่อเป็นแรงจูงใจลดเวลาในการเล่นเกมได้เช่นกัน

5. ปรึกษาจิตแพทย์
การปรึกษาจิตแพทย์สามารถใช้ได้ในกรณีที่เด็กติดเกมอย่างมากเพราะจิตแพทย์จะพยายามเข้าใจสถานการณ์ในครอบครัว เข้าใจพฤติกรรมเด็ก เข้าในสภาพแวดล้อมต่างๆและให้คำแนะนำได้อย่างเหมาะสม

แนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เด็กติดเกม
     สำหรับแนวทางการป้องกันนั้นส่วนมากแล้วพ่อแม่ควรจะคอยสังเกตพฤติกรรมการเล่นเกมของเด็กและคอยให้คำปรึกษาแนะนำไปในทางที่ถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กติดเกม

1. เด็กควรอยู่ในสายตาระหว่างเล่นเกม
การปล่อยให้เด็กเล่นเกมและสามารถอยู่ในสายตาของพ่อแม่นั้นจะดีกว่าปล่อยให้เด็กเล่นเกมอยู่ในห้องเพียงคนเดียวเพราะระหว่างเล่นเกมนั้นเราสามารถสังเกตถึงพฤติกรรมระหว่างเล่นเกมได้เช่น เสียงดังโวยวาย หงุดหงิด เป็นต้น ซึ่งพ่อแม่ก็ควรหาเวลาอธิบายเด็กถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและคอยย้ำว่าเป็นเพียงเกม

2. รีวิว Rating game ก่อนให้เด็กเล่นเกม
การรู้ว่าเด็กเล่นเกมอะไรและ Rating game นั้นเป็นอย่างไรบ้านก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน ถึงแม้ว่า Rating game นั้นไม่ได้มีผลอะไรที่จะทำให้เด็กติดเกมหรือไม่ติดเกมแต่มีผลว่าเกมที่เด็กเล่นนั้นเหมาะสมกับวัยหรือไม่เพราะหากเด็กเล่นเกมที่ไม่เหมาะสมกับวัยแล้วอาจส่งผลทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากการเรียนแบบในเกมก็เป็นได้ ปัจจุบันมีเว็บไซต์ https://www.esrb.org หรือคณะกรรมการจัดเรทสื่อซอฟต์แวร์เพื่อความบันเทิงของสหรัฐ สามารถนำชื่อเกมมาค้นหาเพื่อแสดง Rating game ของเกมโดย Rating นั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 7 ประเภทดังนี้

Game Rating | ที่มา
  • EC เหมาะกับเด็กอายุ 3 – 6 ปี เนื้อหาไม่มีความรุนแรง
  • E เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป
  • E10+ เหมาะสำหรับเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป
  • T เหมาะสำหรับเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป
  • M เหมาะสำหรับเด็กอายุ 17 ปีขึ้นไป
  • AO เหมาะสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นหรืออายุ 18 ปีขึ้นไป
  • หมายถึงเกมยังไม่ได้รับการพิจารณา Rating หรืออยู่ระหว่างการพิจารณา
3. วิเคราะห์ข้อมูลการใช้โทรศัพท์จาก Application
ปัจจุบันระบบปฏิบัติการต่างๆติดตั้งโปรแกรมเพื่อดูลักษณะการใช้งานต่างๆบนมือถือและเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับพ่อแม่ที่อาจไม่มีเวลาดูว่าลูกเล่นเกมไปนานเท่าไหร่ โดยโปรแกรมนี้จะติดตามว่า เล่นเกม chat ฟังเพลง ดู Youtube ระยะเวลานานเท่าไหร่แล้ว โปรแกรมสรุปข้อมูลการใช้งาน คอยเตือน และ Block การเข้าถึงเกมได้อีกด้วยหากเด็กได้เล่นตามเวลาที่กำหนดไปในแต่ละวันแล้ว ตัวอย่างโปรแกรม Screen Time จาก iPhone

เริ่มจากไปที่ Settings > Screen Time ในหน้าแรกจะเป็นการสรุปข้อมูลการใช้งานโดยรวมว่าเล่นมือถือไปเท่าไหร่และเป็น Application ประเภทไหนบ้าง เช่น เกม Facebook Youtube เป็นต้น สามารถเลือกดูข้อมูลเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือย้อนหลังกลับไปได้


นอกจากนั้น Screen Time ยังมีฟังก์ชัน App limits อีกด้วย คือสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ว่า ใน 1 วันต้องการให้เด็กเล่นเกมได้กี่ชั่วโมง หากเด็กเล่นเกมครบตามจำนวนชั่วโมงที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว เด็กจะไม่สามารถเข้า Application ที่เกี่ยวกับเกมได้อีกเลย



Reference:
-  R.Firat Sipal and Pinar Bayhan, Preferred computer activities during school age: Indicators of internet addiction
- Nicole Alexandra Cross, THE RELATIONSHIP OF ONLINE GAMING ADDICTION WITH MOTIVATIONS TO PLAY AND CRAVING (https://etd.ohiolink.edu/apexprod/rws_etd/send_file/send?accession=bgsu1435084396&disposition=inline)
- https://www.counselling-directory.org.uk/memberarticles/gaming-addiction-indicators-in-children
- ผศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล, เดก็ติดเกม, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (https://www.si.mahidol.ac.th/th/department/psychiatrics/cap/knowledge53/I14.pdf)

ป้ายกำกับ

แสดงเพิ่มเติม

บทความยอดนิยม

Software Development Life Cycle (SDLC) คืออะไร ทำไมจำเป็นต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์

ม.ปลายอยากเข้าสายคอม วิทยาการคอม วิศวกรรมคอม เตรียมตัวอย่างไร ต้องมีพื้นฐานอะไรบ้าง

Automation testing หรือ การทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อการทดสอบซอฟต์แวร์

วิธีเก็บ วิเคราะห์ รวบรวม requirement อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

Performance Test คือ อะไร วัดประสิทธิภาพของระบบ ล่มไม่ล่ม จะรู้ได้อย่างไร

8 สิ่งที่ AI จะมาเปลี่ยนโลกในอนาคต

ถอดรหัสความลับเครื่อง Enigma จุดเริ่มต้นและจุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2